เมืองอัมสเตอร์ดัม เป็นเมืองหนึ่งในยุโรปที่อากาศแย่ที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในยุโรป ในปี 2015 มีรายงานออกมาว่ามีพื้นที่ 11 แห่งในอัมสเตอร์ดัมที่มีค่ามลพิษทางอากาศสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยสหภาพยุโรป
Joris Lam ชาวอัมสเตอร์ดัม ผู้ก่อตั้ง TreeWiFi เห็นว่าแม้คนจะได้ยินได้ฟังเรื่องคุณภาพอากาศแย่กว่าที่อื่น แต่ก็ไม่รู้ว่ามีผลกระทบทางตรงใดๆ กับตน เขาจึงริเริ่มโครงการที่จะพยายามลดมลพิษทางอากาศของเมืองให้ได้ (http://treewifi.org/)
จากปัญหาหนัก สู่ โซลูชั่นที่สร้างสรรค์
ไอเดียเริ่มต้นมาจากเมื่อเขาต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศบริเวณแถวบ้าน แต่พบว่าข้อมูลที่พบเป็นข้อมูลคุณภาพอากาศระดับเมือง
เมื่อค้นต่อไปก็พบว่าปัญหาคุณภาพอากาศของเมืองอัมสเตอร์ดัมเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 3 ของเมือง รองจากโรคอ้วนและการสูบบุหรี่ เขาจึงพยายามคิดวิธีแก้ไขปัญหา โดยพยายามทำให้ปัญหาที่ซับซ้อนแบบนี้ง่ายต่อการเข้าใจของผู้คน รวมถึงจะต้องให้คนรู้สึกสนุกที่จะเข้าร่วม เขายังต้องการให้ชุมชนต่างๆ เข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศในชุมชนของตนได้
บ้านนกตรวจคุณภาพอากาศ
วิธีการของเขาคือการสร้างบ้านนกเล็กๆ ที่ติดเซ็นเซอร์ไว้ ติดไว้ในชุมชน เพื่อตรวจจับระดับของมลพิษในอากาศ ในระยะประมาณ 100 เมตร โดยเซนเซอร์จะตรวจจับไนโตรเจนไดออกไซด์จากอากาศ เขาได้ผนวกแรงจูงใจเล็กๆ ให้กับคนในชุมชนให้ช่วยกันปรับปรุงคุณภาพอากาศ โดยเมื่อคุณภาพอากาศได้มาตรฐาน บ้านนกจะขึ้นสัญญาณสีเขียว และปลดล็อคการเข้าถึงสัญญาณไวไฟ ทำให้ชุมชนนั้นสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ฟรี แต่ถ้าคุณภาพอากาศต่ำกว่ามาตรฐาน บ้านนกจะขึ้นไฟแดง และไม่มีสัญญาณไวไฟให้
TreeWiFi ยังมีข้อแนะนำผ่าน App ถึงวิธีการที่คนจะช่วยกันปรับปรุงคุณภาพอากาศในบริเวณพื้นที่ชุมชนของตนได้ เช่นการจัดวันปลอดการใช้รถในวันอาทิตย์ การเดินทางร่วมกัน การใช้จักรยาน การลดความเร็วในการขับขี่ การปรับไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า
หลังจากทดสอบ ชุมชนให้ความร่วมมือกันดี เพราะต่างกังวลกับคุณภาพอากาศมาตลอด แต่ไม่รู้ว่าจะตนจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างไร
ตอนนี้ต้นทุนของเซ็นเซอร์ราคาประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ แม้จะให้ค่าที่ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ราคาก็ต่ำกว่าเซ็นเซอร์ในตลาดกว่า 25 เท่า
ความฝันของ TreeWiFi คือการติดตั้งบ้านนกให้ทั่วบริเวณที่มีคุณภาพอากาศต่ำในเมือง และอนาคตต้องการขยายไปทั่วโลก เป็นวิธีแก้ไขปัญหายากๆ ที่สร้างสรรค์จริงๆ